วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

ขำ ขำ



เบื้องหลังการทำงาน
^
^
^
^
^
(ทีมเวิร์ค)





ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออก

“จาตุรนต์”ให้โอกาสครูสู้กับปัญหานักเรียนอ่านไม่ออก






      วันนี้(24ก.ย.)นายจาตุรนต์  ฉายแสง  รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.)  กล่าวถึงผลสำรวจนักเรียนป.3 และป.6 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ที่ยังอ่านหนังสือไม่ออก ซึ่งพบว่าทั่วประเทศมีจำนวนมากว่า จากข้อมูลที่สพฐ.เสนอมานั้น ตนไม่อยากให้ไปกลัวว่าจะเป็นตัวเลขที่สูงแล้วจะต้องกลายเป็นความผิดพลาดบกพร่อง แต่อยากให้เป็นเรื่องที่ผู้บริหารและครูควรกล้าเผชิญความจริง โดยสิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะหาทางลดจำนวนเด็กกลุ่มนี้ได้อย่างไร เช่น การหาเวลาที่จะสอนเพิ่มเพื่อปรับปรุงทักษะการอ่านให้แก่เด็กกลุ่มนี้ หรือจำเป็นต้องจัดการเรียนการสอนแบบเข้มข้น
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อไปว่า ตนอยากทำความเข้าใจกับผู้ปกครองว่าทางกระทรวงไม่ได้มองเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออกว่าเป็นผู้ที่มีปัญหาหรือมีความบกพร่อง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการตำหนิครูหรือถือว่าเป็นความผิดพลาดล้มเหลวของระบบการศึกษาที่อยู่ระหว่างการหาทางแก้ไขปัญหา แต่เราต้องการให้มีการปฏิบัติต่อเด็กด้วยการส่งเสริมให้ทำด้วยความสมัครใจพร้อมทั้งดึงผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กด้วย
“ โดยรวมแล้วผมยอมรับว่าการอ่านของเด็กไทยยังน่าเป็นห่วงมาก เพราะนี่แค่เฉพาะกลุ่มเด็กระดับชั้นป.3และป.6 เท่านั้น จึงเป็นการดีที่เราสามารถจับจุดได้เร็ว ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้เร็วไปด้วย ทั้งนี้ในการแก้ปัญหาเด็กอ่านหนังสือไม่ออกนั้น หากโรงเรียนไหนต้องการสแกนเพื่อตรวจหาเด็กในระดับชั้นอื่นๆก็สามารถดำเนินการได้ เพื่อจะได้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากกระทรวงศึกษาธิการ " นายจาตุรนต์ กล่าว
 ฮับบะตุซเซาดาอ์ (ยี่หร่าดำ)



         ฮับบะตุซเซาดาอ์ (หรือที่คนไทยรู้จักในนาม เทียนดำ”) เป็นชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่งชาวอียิปต์เรียกว่า ฮับบะตุลบารอกะฮฺหรือ อัลกัมมูนอัลอัสวัด (ยี่หร่าดำ) ชาวยะมันเรียกว่า เกาฮเฏาะฮชาวอิหร่าน เรียกว่า ชุวัยนิชหรือ ชุนิชในภาษาเปอร์เซีย และในเมืองไทยเป็นที่รู้จักกันดีเรียกว่า เทียนดำลักษณะของมันนั้น เมล็ดสีดำคล้ายงา รสชาติร้อนและขมเล็กน้อย
          การแพทย์สมัยก่อนนั้น นำฮับบะตุซเซาดาอ์มาเป็นเป็นส่วนประกอบในการบำบัดโรคทุกชนิดโดยอาศัยหะดีษ ซึ่งรายงานจากอบีหุรอยเราะห์รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า แท้จริงท่านรอซูลซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า จำเป็นสำหรับท่านทั้งหลาย คือ ฮับบะตุซเซาดาอ์ เพราะแท้จริงมันเป็นยาบำบัดทุกโรค เว้นแต่ความตายบันทึกโดย อัลบุคอรีย์ และมุสลิม
          ประโยชน์ของฮับบะตุซเซาดาอ์นั้นมีมากมาย รับประทานทุกวันทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถบำบัดรักษาได้ทุกโรค
            ฮับบะตุซเซาดาอ์ (ยี่หร่าดำ) ยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับความเย็นทุกชนิด ในโรคที่เกิดจากความร้อนแห้ง มันจะช่วยเพิ่มพลังให้กับยาที่เย็นและชื้นให้เข้าสู่ตัวโรคได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
          ยี่หร่าดำยังเป็นยาขับคมขจัดสะเก็ดในโรคชันนะตุ มีประโยชน์ในโรคเรื้อนและในไข้ที่มีเสลดมากมีเสมหะมาก จะช่วยเปิดทางที่อุดตันได้ ช่วยให้ลมเดินสะดวก บรรเทาความชื้นและลมในกระเพาะ ถ้าหากนำมาบดและนวดกับน้ำผึ้งและผสมน้ำร้อนดื่มจะช่วยละลายนิ่วในไตและต่อมลูกหมาก ช่วยขับปัสสาวะ และประจำเดือน ช่วยเพิ่มน้ำนม ถ้าดื่มเป็นประจำหลาย ๆ วัน ถ้าหากถูกทำให้ร้อนโดยผสมกับน้ำส้มสายชูแล้วนำมาทาจะช่วยขจัดเม็ดชันนะตุได้      น้ำมันของยี่หร่าดำมีประโยชน์ในการรักษา พิษงูกัด รักษาหูด ถ้าผสมน้ำดื่มหนึ่งมิษกอล (25กรัม) จะช่วยรักษาโรคเหนื่อยหอบหายใจลำบากได้ การประคบด้วยยี่หร่าดำจะช่วยรักษาโรคปวดศรีษะจากความเย็น ถ้าหากนำมาผสมกับน้ำส้มสายชูและนำมาแปะที่ฝีหรือสิวจะช่วยดูดหนองได้ หากนำมาบดรวมกับน้ำส้มสายชูและทาให้กับคนที่เป็นโรคเรื้อนหรือจุดด่างดำที่ผิวหนัง หรือศรีษะมีรังแคมากจะช่วยรักษาได้

          คุณค่าที่ได้รับจากฮับบะตุซเซาดาอ์ นั้นถูกผสมผสานในการรักษาโรคเป็นอย่างดีและโรคจะทุเลาอย่างน่าแปลกใจ ดังนั้น มันจึงมีประโยชน์และมีแร่ธาตุที่ร่างกายของมนุษย์ต้องการ เช่น ฟอสเฟต, ธาตุเหล็ก, ฟอสฟอรัส, คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน และมีสารเบต้าแคโรทีน ทำปฏิกิริยาต่อต้านมะเร็งในวงกาแพทย์มุสลิมพบว่าฮับบะตุซเซาดาอ์ นั้นเป็นยาที่มีประโยชน์มากและสิ่งที่พวกเขามั่นใจก็คือ สิ่งที่ท่านรอซูลซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้บอกไว้ถึงสรรพคุณของมัน.
 พ่อแม่ประสบความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูก

      ภารกิจของพ่อแม่ในยุคปัจจุบันนี้ คงต้องยอมรับว่ามีภาระหนักกับการอบรมเลี้ยงดูลูกในสังคมปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้น การใช้วิธีการเลี้ยงดูเช่นเดียวกับที่ตนเคยเป็นลูกในอดีต ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากสภาพของสังคมบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และมีความแตกต่างกับยุคสมัยที่ตนเองอยู่ในฐานะที่เป็นลูกโดยสิ้นเชิง
       การให้ความรักอย่างเพียงพอ ถือเป็นเรื่องสำคัญในสังคมยุคนี้ พ่อแม่บางคนอาจมองเรื่องความรักเป็นเรื่องธรรมดา และตีความหมายเป็นอย่างอื่น ทำให้สมาชิกในครอบครัวขาดแคลนความรัก หรือได้รับความรักน้อยเกินไป ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ความรักความสนใจที่จริงใจก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจนอกจากนี้ อาจมีผลพลอยได้จากการหยิบยื่นความรักให้แก่ลูกอย่างถูกต้องและเหมาะสม กล่าวคือ
ลูกได้รับรู้และรู้สึกว่าตนเป็นที่รัก ย่อมอยากแสดงความดีให้พ่อแม่เห็น เป็นการตอบแทน  ให้ความรักอย่างสม่ำเสมอและปราศจากเงื่อนไขในทุกโอกาส
       ยิ่งกว่านั้น วินัยเป็นคำ ๆ เดียว ที่พ่อแม่จะต้องปลูกฝัง หรือซึมซับให้เกิดขึ้นในตัวลูกให้ได้ ครอบครัวไทยโดยองค์รวม มักให้ความสำคัญในเรื่องวินัย ไม่มากเท่าที่ควร สำหรับครอบครัวมุสลิม การฝึกวินัยเกี่ยวกับการปฏิบัติละหมาดฟัรดู ถือเป็นการฝึกวินัยขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพในการสร้างวินัยในตนเองอย่างยิ่ง ดังนั้น การฝึกวินัยให้ลูกด้วยความรักแห่งการปฏิบัติละหมาดจนเป็นนิสัย แน่นอน ลูกจะได้รับการพัฒนาวินัยของตนเองได้ และเมื่อนั้น ลูกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่นมองตนเองว่ามีคุณค่า และมองคนอื่นในแง่ดีเสมอ    รู้ว่าอะไรถูก-อะไรผิด สามารถจำแนก แยกแยะได้ถูกต้อง เพราะการปฏิบัติละหมาดเป็นการป้องกันการกระทำในสิ่งอิสลามห้ามอย่างมีประสิทธิภาพมีทางเลือกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ถูกภาวะกดดัน หรือมีข้อจำกัดในการหาทางออก
      ในทำนองเดียวกัน การที่พ่อแม่สามารถเปลี่ยนแปลงลูกไปสู่พฤติกรรมดังกล่าวได้ แน่นอน อาจช่วยส่งเสริมปัจจัยทั้ง 3 ประการนี้โดย :
พ่อแม่มีความสม่ำเสมอในเรื่องของความอดทน และสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างเป็นอย่างดี
สื่อความหมายกับลูกให้ชัดเจน ปากกับใจต้องตรงกัน
ทำความเข้าใจพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของลูกว่ามีความหมายอย่างไร ทำไปเพื่ออะไร เพื่อใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ให้ความมั่นใจ ใส่ใจพฤติกรรมที่ถูกต้อง มากกว่าการจับจ้องพฤติกรรมที่พ่อแม่ยังไม่พอใจชมเชยสิ่งที่ดีของเขาสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในบ้านให้สามารถเล่นรื้อค้นได้อย่างปลอดภัย กรณีมีลูกอยู่ในวัยกำลังเล่น กำลังซนกำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้าใจง่าย บอกให้รู้ว่าอะไรที่พ่อแม่ต้องการให้ทำ และอะไรที่ไม่ต้องการให้ทำสถานการณ์บางขณะในบ้าน เช่น พี่น้องทะเลาะกัน อาจนำไปสู่การเกิดอารมณ์รุนแรง พ่อแม่ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม รู้จังหวะที่จะเข้าไปจัดการอย่างเหมาะสม
       ปัจจุบัน การมีเวลาให้กับครอบครัว ถือเป็นประเด็นสำคัญสำหรับพ่อแม่ในยุคนี้ พ่อแม่หลายคนมักไม่เห็นความสำคัญของเรื่องเวลา ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวมีความรุนแรงจนสุดจะแก้ไขเยียวยาได้ ดังนั้น พ่อแม่ควรมีเวลาเล่นกับลูก โดยเน้นความสนุกสนาน และสร้างสัมพันธ์ที่ดี มากกว่าการควบคุม สั่งสอน หรือเข้มงวดเรื่องการเรียน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว อาจเรียกว่า ยังขาดความเข้าใจในการสร้างสัมพันธ์กับลูกที่ดี
         การมีความสนใจและให้ความสำคัญต่อคู่สมรสของตนเอง ย่อมถือเป็นแบบอย่างหรือสื่อของการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ดี กล่าวคือ พ่อแม่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก่อน เพราะความรัก ความนับถือซึ่งกันและกัน การยอมรับ และให้เกียรติระหว่างกันของพ่อแม่ จะก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจของทุกคนภายในครอบครัวอย่างมีความหมายยิ่ง
      สิ่งที่ครอบครัวจะปฏิเสธไม่ได้คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล หรือปัญหาของครอบครัวก็ตาม พ่อแม่ควรสอนทักษะในการแก้ปัญหาที่ถูกต้องให้แก่ลูกด้วย ในฐานะเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน หรืออาจขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ใกล้ชิดหรือไว้วางใจ ให้เป็นผู้เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาให้แก่ลูกก็ได้ ทั้งนี้ ควรมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
    อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าวิธีการแก้ปัญหาที่เขาใช้ไปแล้วนั้น ไม่เหมาะสมอย่างไรบ้าง และแนะวิธีที่เหมาะสมกว่าเพื่อเขาจะได้นำไปใช้ ในคราวหน้าสำหรับเด็กเล็ก ๆ ให้แนะนำตรง ๆ ว่าถ้าพบปัญหานี้ควรทำอย่างไร
สำหรับเด็กโตที่รู้จักคิดเองได้ พ่อแม่อาจตั้งคำถามให้เด็กคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แล้วจึงเสนอวิธีการต่าง ๆ เพิ่มเติมให้พัฒนาความเคารพนับถือ หรือ อิกรอมซึ่งกันและกัน พ่อแม่ควรทำตัวให้เป็นที่เคารพนับถือของลูก เช่น
แสดงกิริยาวาจาสุภาพกับลูก                                                                                                                                             รู้จักขอโทษเมื่อพ่อแม่เป็นฝ่ายผิด                                                                                                                                 ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรีสนใจกิจกรรมที่ลูกทำด้วยความจริงใจแสดงความซื่อสัตย์             
     รักษาสัญญาให้ลูกเห็น                                                                                                                                                 แสดงความไว้วางใจรับฟังการตัดสินใจของลูกไม่แสดงความชื่นชม หรือเข้าข้างลูกคนใดเป็นพิเศษ หรือออกนอกหน้า


การจัดการเรียนการสอนศาสตร์สาระอิสลามแบบบูรณาการ


         ลักษณะการจัดการเรียนการสอนศาสตร์สาระอิสลามที่ผ่านมาหรือในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนในระดับฟัรดูอีน ตาดีกา ซานะวีย์ อะลีย์ หรือกุลลียะห์ เป็นวิธีการเรียนที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดเนื้อหาวิชามากกว่าการเรียนรู้จากสภาพที่เป็นจริง และไม่เน้นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้พัฒนาการคิดวิเคราะห์ การแสดงความคิดเห็น การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังขาดการเชื่อมโยงให้เหมาะสมกับบริบทและสภาพแวดล้อมในสังคม ผลของการใช้หลักสูตรทุกระดับ ยังมีข้อจำกัดหลายประการ การสอนแยกออกเป็นวิชา ทำให้การเรียนรู้แยกกันเป็นส่วนๆ ไม่สัมพันธ์หรือไม่สอดคล้องกัน ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมน้อย ส่วนใหญ่มักจะเรียนในห้อง ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับความเป็นจริงนอกห้องเรียน
         ในชีวิตของคนเราจะพบสิ่งต่างๆ มากมายหลายชนิด หลายประเภทในเวลาเดียวกันประสบการณ์ต่างๆ หรือปัญหาทั้งหลายจะเกี่ยวข้องกันหรือเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทุกคนจะใช้ทักษะหลายๆ อย่าง ในการเรียนรู้ประสบการณ์และการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยขจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดหรือลดน้อยลงไป
         ตามนัยนี้ มีนักการศึกษาได้ให้ความหมายของการสอนแบบบูรณาการไว้ว่า การสอนแบบบูรณาการ หมายถึง วิธีการสอนโดยนำสิ่งหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องมาผสมผสานกัน เพื่อให้กระบวนการถ่ายทอดความรู้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับสภาพชีวิตจริง โดยทั่วไปจะเน้นที่การบูรณาการเทคนิควิธีการสอนโดยใช้หลาย ๆ วิธีผสมผสานกัน และการบูรณาการเนื้อหาสาระวิชาการที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน

          นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้ความหมายไว้อีกมากมาย อาจสรุปได้ว่า การสอนแบบบูรณาการ หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้วิธีการสอนหลายวิธี จัดกิจกรรมต่างๆ ในการสอนเนื้อหาสาระที่เชื่อมโยงกัน ตลอดจนมีการฝึกทักษะต่าง ๆ ที่หลากหลาย
 ยกเลิกรับตรง เหลือเเอดมิชชั่น

       




         ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านจาตุรนต์ ฉายแสง ได้เปิดเผยในที่ประชุมเสวนาการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (14 ก.ย.56) โดยได้มีช่วงหนึ่งได้กล่าวว่า "ประเทศไทยต้องมีการปรับเปลี่ยนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ เพราะระบบการรับตรงมีปัญหา โดยทุกวันนี้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะหลายมหาวิทยาลัยเปิดสอบตรงจำนวนมาก ในการสอบแต่ละครั้งนักเรียนต้องใช้เงินจำนวนมาก ส่งผลให้นักเรียนที่มีฐานะทางบ้านแตกต่างกันเสียเปรียบกัน นักเรียนบางคนสอบทุกที่ เสียเงินเป็นแสน ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยก็ได้รายได้ไปหลายสิบล้าน"
        "อีกเหตุผลหนึ่งที่ควรยกเลิกระบบรับตรง นั้นคือ ข้อสอบรับตรงออกเกินหลักสูตร ซึ่งเนื้อหาไม่มีความเป็นกลางตามหลักสูตรแล้วแต่มหาวิทยาลัยจะออก ทำให้เด็กในระบบ ม.ปลาย ดิ้นรนไปเรียนกวดวิชาเพื่อสอบแข่งขัน ซึ่งตนเห็นว่าอยากให้นักเรียนไทยเรียนกวดวิชาตามความจำเป็น จึงอยากจะให้มีการยกเลิกรับตรง"

        ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าวยังไปสอดคล้องกับแนวคิดของ พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี ประธานเครือข่ายพ่อแม่เยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ที่มีความเห็นว่า "อยากให้ท่านรัฐมนตรีกล้าๆ หน่อย ออกมาปรับเปลี่ยนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หยุดสร้างภาระให้กับเด็ก แต่ไปสร้างกำไรให้เด็กแทน โดยย้ำว่าในต่างประเทศไม่มีการสอบรับตรง จะมีแต่สอบกลาง แต่หากแต่ละมหาวิทยาลัยไม่เชื่อมั่นในข้อสอบของแอดมิชชั่นกลาง เลยหันไปรับตรงแทน ก็ให้มาช่วยแก้ไขกัน"
  
แมลงวัน



             ท่านศาสดามูฮัมมัด ได้กล่าวว่า เมื่อมีแมลงวันได้ตกใส่ภาชนะของพวกท่านคนใดคนหนึ่ง ให้เขากดมันให้จมไปทั้งตัว หลังจากนั้นให้เอาทิ้งไปเพราะปีกข้างหนึ่งจากสองปีกของมันนั้นเป็นยาและปีกอีกข้างหนึ่งของมันเป็นโรครายงานโดยท่านบุคอรี นะซาอี และท่านอบีดาวูด
       หะดีษนี้นับเป็นหะดีษที่รู้จักกันแพร่หลายมากที่สุด หะดีษหนึ่งในหมู่ชนมุสลิมทำให้เขาได้รู้ว่าแมลงวันนั้นเป็นสัตว์ที่ต้องระวังเพราะมันมีเชื้อโรคหรือสามารถนำโรคมาให้เราได้แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รู้ด้วยว่าภายในแมลงวันตัวเดียวกันที่นำโรคมาให้มนุษย์นั้นกลับมียาที่จะรักษาโรคนั้นๆรวมอยู่ด้วย
      เนื่องจากมุสลิมเป็นผู้ที่ยอมรับต่อบัญชาของอัลลอฮ์และคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดอยู่แล้วและพร้อมที่จะปฏิบัติตามได้ทันทีโดยไม่สงสัยในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าและศาสดาของพระอง์บอกเลยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และมันมีเชื้อโรคจริงๆ หรือไม่ ถ้าจริงคืออะไร ชนิดใด และมียารักษาโรคนั้นจริงหรือไม่ ถ้าจริงคือชนิดใดและอยู่ที่ไหน? นั่นแหละคือความศรัทธามั่นของบรรดามุสลิมที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขา
      แต่อย่างไรก็ตามน่าจะเป็นการดีว่า ถ้าเราจะสามารถรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรแน่เพราะนี่คือโอกาสทองของบรรดามุสลิมที่ได้รู้คำตอบที่ถูกต้องไว้เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงหาสาเหตุที่เป็นจริง ๆ ให้พบเท่านั้น เขาก็สามารถจะรู้ได้โดยง่ายดาย การค้นคว้าในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพราะเราไม่เชื่อถือในสิ่งที่พระองค์บอกแต่เป็นเพราะเราจะได้ทำตามสิ่งที่พระองค์สั่งเรา อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือการพิจารณาสังเกตสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงสร้างและความมหัศจรรย์ของมันซึ่งจะยิ่งเพิ่มพูนความศรัทธาแก่เราให้มากยิ่งขึ้นและช่วยให้มุสลิมเราได้มีความรู้ความสามารถขึ้นกว่าเดิม แข็งแกร่งกว่าเดิมสามารถที่จะทำให้ศาสนาของพระองค์เป็นที่ยอมรับกันมากยิ่งขึ้นไป การกระทำเช่นนี้จึงเป็นการทำดีต่อพระผู้เป็นเจ้าและศาสนาของเราอีกทางหนึ่ง นอกเหนือไปจากการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาต หรือการทำฮัจย์ก็ตาม สมควรที่พวกเราควรตั้งใจทำกันให้มาก ๆ เพื่อศาสนาของเราเอง
      แมลงวันเป็นสัตย์ที่อยู่คู่กับโลกมานานแล้ว และเป็นที่คุ้นเคยกับคนทั่ว ๆ ไป แต่อย่างไรก็ตามไม่ค่อยได้มีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันเท่าไรนัก
      แมลงวันบ้าน มีชื่อทางภาษาอังกฤษว่า HOUSE FLY และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Musca domestica จัดเป็นแมลงชนิดหนึ่ง ขนาดเล็ก ประกอบด้วย สามส่วนคือ ส่วนที่หนึ่งคือส่วนหัว (Head) ซึ่งจะมีปากไว้ดูดอาหารได้ ส่วนที่สองคือส่วนอก (Thorax) จะประกอบด้วยปล้องสามปล้องและมีขาคู่หนึ่งออกมาในแต่ละปล้อง จึงมีขางอกออกมาทั้งหมดหกขาและปีกสองปีกอยู่เหนือขาปล้องกลาง ส่วนที่สามคือส่วนท้องหรือลำตัว (Abdomen) ซึ่งจะมีกระเพาะอาหาร ลำไส้ และระบบย่อยอาหารอยู่ภายในด้านข้างของลำตัวจะมีท่าหายใจโผล่ออกมาเป็นแถว ๆ ท่อที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่บริเวณส่วนอกใต้ปีกสองข้าง ส่วนท่อเล็ก ๆ อื่น ๆ อยู่บริเวณท้อง ตัวโตเต็มวัยจะมีชีวิตประมาณ 17-29 วัน
      จากการศึกษาพบว่าส่วนมากแล้วแมลงวันจะมีเชื้อโรคติดอยู่ตามขาทั้งหกข้างและปีกทั้งสองข้างของมัน เนื่องจากชอบอยู่ในที่สกปรกและขามันมีลักษณะเป็นขน ๆ เชื้อโรคจึงติดไปกับมันโดยง่าย
              แต่ก็เป็นที่น่าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งเช่นกันว่า เชื้อโรคเหล่านี้ไม่ได้อยู่ตลอดไปมันจะอยู่ไม่นานแล้วหายไปหมด เช่น B enteritides ที่ทำให้เกิดลำไล้อักเสบหรือโรคท้องร่วงจะอยู่ได้ไม่เกินเจ็ดวัน B typhosus ต้นเหตุของโรคไข้ไทฟอยด์อยู่ได้ไม่เกิน 6 วัน V cholera ที่ทำให้เกิดโรคอหิวาต์อยู่ได้ไม่เกิน 2 วัน หลังจากนั้นมันก็จะหายไปหมดโดยไม่มีเชื้อโรคใด ๆ หลงเหลืออยู่ นอกจากเชื้อที่อยู่เป็นปกติในลำไส้เท่านั้น
          นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าต่อมาจนพบว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะในลำไส้ของแมลงวันมีไวรัสชนิดหนึ่งอาศัยอยู่และไวรัสชนิดนี้เองที่เป็นตัวจับแบคทีเรียทั้งหมดนี้ และปล่อยดีเอ็นเอของมันเข้าไปในเซลล์เชื้อโรคเหล่านี้จึงต้องผลิตแต่ตัวไวรัสชนิดนี้ออกมาจนตัวเชื้อโรคเองต้องแตกออกและตายไปในที่สุด

        ไวรัสชนิดนี้จึงมีชื่อว่าแบคเทริโอเฟจ (Bacteriophage) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า เฟจ (Phage) แปลว่าผู้ฆ่าแบคทีเรียนั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้จักกันดีและได้ถูกใช้นำมาฆ่าเชื้อโรคที่ทำอันตรายมนุษย์เป็นเวลาช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นอเล็กซานเดอร์เฟลมมิง คิดค้นยาปฏิชีวนะคือยาเพนิซิลลินขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก ก็เลยทำให้แบคเทริโอเฟจ ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลงไปและไม่ค่อยมีการค้นคว้าเกี่ยวกับมันอีก นอกจากในประเทศรัสเซียซึ่งยังมีการค้นคว้ากันอยู่     นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อาศัยร่วมในลำไส้ของแมลงวันแต่ไม่ทำอันตรายแมลงวันนั้นก็มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคด้วยเช่นเดียวกัน โดยเป็นพวกเชื้อราบางชนิดเขาเรียกพวกนี้ว่า ไมโครไบโอตา (Microbiota) ซึ่งหมายถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ๆ นั่นเอง