วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

อิสลามกับการทุจริต คิดมิชอบ


          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย หัวใจของเราที่เปี่ยมล้นด้วยความยำเกรงหรือ ตักวาต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) อย่างยั่งยืนนั้น ย่อมนำพาตนเองใปสู่แนวทางอันเที่ยงตรง และเป็นแนวทางที่มีความปลอดภัยในชีวิต ทั้งในโลกนี้และโลกปรภพอย่างแน่นอน ดังนั้น  วาระเร่งด่วนของประชาคมมุสลิมทุกวันนี้คือ การชึมซับชีวิตและจิตวิญญูาณให้มี ตักวาอยู่เสมอ โดยบริหารชีวิตจิตใจให้ห่างไกลกับความชั่วช้าสามาลย์ทั้งหลาย  รวมทั้งการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต  คิดมิชอบ หรือการประพฤติตนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไม่สุจริตในรูปแบบต่าง ๆ แต่หันสู่ภารกิจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีคำสอนให้ประพฤติ ปฏิบัติเป็นวิถีชีวิต จึงจะเรียกว่าเป็นผู้ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) อย่างแท้จริง       ปัจจุบัน ปัจจัยการทุจริตไต้แพร่ระบาดในสังคมไทยทุกระดับ ทุกกลุ่มชน เมื่อพิจารณาสารัตถะจากมุมมองของพระคัมภีร์อัลกุรอาน อาจสรุปได้ในประโยคหนึ่ง ว่า : เนื่องจากมนุษย์ไม่มีความเชื่อในพระเจ้า และการไม่ปฏิเสธมวลผู้ละเมิดทั้งหลาย (หมายถึง ทุกสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าและไม่มีสีสันของพระเจ้า)
          นั่นคือ ความเชื่อมั่นในอัลลอฮ์ (ซ.บ.) และการปฏิเสธบรรดาผู้ละเมิด ซึ่งเป็นไปในลักษณะของการควบคู่หรือร่วมกัน อันก่อให้เกิดความก้าวหน้า และความเป็นเลิศของบุคคลและสังคมอย่างแน่นอน ดังปรากฏนัยแห่งอัลกุรอาน ดังนี้
ความว่า แน่นอน เราได้ส่งรอซูลมาในทุกประชาชาติ (โดยบัญชาว่า) พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮ์ (ซ.บ.) และจงหลีกห่างจากพวกเจว็ดดังนั้นในหมู่พวกเขามีผู้ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงชี้แนะทางให้และในหมู่พวกเขามีการหลงผิดคู่ควรแก่เขา  ดังนั้น พวกเจ้าจงตระเวนไปในแผ่นดิน แล้วจงดูว่าบั้นปลายของผู้ปฏิเสธนั้นเป็นเช่นใด”  (ซูเราะฮ์อัลนะฮ์ลิ อายะฮ์ที่ 36)
              ท่านพี่น้องผู้มีอิหม่านที่รักทั้งหลาย คุณภาพของมนุษย์นั้น อยู่ในกรอบของคำสอนศาสนาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้มอบไว้ในอำนาจของมนุษย์ ขณะที่มนุษย์ ได้นำเอาบทบัญญัติของอิสลามด้านคุณธรรมมาเป็นครรลองในการปฏิบัติในมุมมองต่างๆ ของชีวิตด้วยความคิดอิสระ  พร้อมทั้ง ให้คำตอบกับความต้องการอันเป็นธรรมชาติของตัวเอง และก้าวไปถึงวัตถุประสงค์ที่เป็นเป้าหมายในการสร้าง จนสามารถประสบความสำเร็จ หากเป็นเพราะความหลงใหลที่มีต่อโลก โดยละเมิดคำสั่งสอนของศาลนา หรือเลือกปฏิบัติบทบัญญัติบางประการ อันไม่ก่อผลเสียหายต่อผลประโยชน์ทางโลกของตน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เท่ากับได้เลือกปฏิบัติตามความพอใจ หรือปฏิบัติตามอำนาจฝ่ายต่ำของตน ด้วยเหตุนี้ สิ่งดังกล่าวได้กลายเป็นปัจจัยฉุดกระชากให้ตนเองและสังคมตกต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการโน้มนำสังคมและชุมชนไปสูความล้าหลังและความตกต่ำอย่างน่าเศร้าใจยิ่ง
                  ความก้าวหน้าและความตกต่ำของสังคม มีปัจจัยสำคัญที่สุด คือ ผู้บริหารหรือผู้ปกครองในสังคม หากเป็นคนมีศาสนาหรือมีความเคร่งครัดในระเบียบคำสอนของศาสนาอย่างสมบูรณ์ หรือมีความมั่นคงต่อคำสอน และแพร่ขยายนำไปสู่การปฏิบัติด้วยความละเอียดอ่อนในสังคม บรรดาผู้รู้และผู้มีบทบาทในสังคมต่างให้การสนับสนุนถ้วนหน้า บุคคลทั่วไปก็ถือปฏิบัติตามผู้รู้และผู้บริหารผู้ปกครองในสังคม ทำให้พวกเขาได้ออกห่างจากความชั่วร้ายและสิ่งไม่ดีทั้งหลาย แต่ถ้าผู้บริหารหรือผู้ปกครองคนนั้นไม่มีความเคร่งครัดในศาสนา ลุ่มหลงโลกและทรัพย์ศฤงคาร หวงแหนในลาภยศสรรเสริญ ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใดก็ตาม อีกทั้งจมปลักอยู่กับกิเลสและความต้องการ ไม่ให้เกียรติผู้รู้หรือใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดจากพวกเขา ไม่สนใจที่จะแก้ไขปัญหาของสังคม หรือกดขี่เอารัดเอาเปรียบผู้คนทั้งหลาย แน่นอน จิตใจของพี่น้องทั่วไปย่อมฟุ้งซ่านและมีความกระวนกระวายใจ ดังนั้น หากผู้บริหาร หรือ ปกครองไม่ต้องการที่จะปรับปรุงสังคมให้เป็นไปในทางที่ดี และบุคคลทั่วไปก็ไม่ช่วยกันกำชับความดีงาม หรือห้ามปรามความชั่วร้าย ทั้งหมดยึดถือวัฒนธรรมความชั่วร้ายที่คล้ายคลึงกัน ทั้งหมดลุ่มหลงและมีความอยากได้ไนทรัพย์ของคนอื่น แน่นอน หากสังคมเป็นเช่นนี้ สมาชิกของสังคมนั้นก็จะค่อย ๆ ปนเปื้อนความสกปรกเหล่านั้นดุจเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม ถือเป็นความยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ โดยเขาต้องการจะปกป้องศาสนาของเขาให้รอดพ้น และปลอดภัย

           ด้วยเหตุนี้ จุดกำเนิดของความชั่วร้ายในสังคม เริ่มจากความหลงใหลต่อโลกหลงตัวเอง หลงตำแหน่ง ทะเยอทะยาน ใฝ่สูงในยศถาบรรดาศักดิ์ ต้องการมีอิทธิพลต่อฝ่ายบริหาร ดังนั้น ความเสื่อมศรัทธาในผู้บริหาร ผู้ปกครองก็เกิดจากชนเหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน หากประชานนิ่งเฉยต่อการกระทำของพวกเขา ก็ต้องพลอยรับกรรมตามไปด้วย                             ขออนุญาตอ้างอิงตัวอย่างในอดีตกาล เมื่อบุคคลเฉกเช่นยะซีดได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ปกครองรัฐอิสลามในสมัยนั้น เป้าหมายมิใช่สิ่งใดอื่นนอกจากความภาคภูมิใจและความใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้ปกครอง การแสวงหาอำนาจ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน ชื่อเสียงกิเลส อำนาจใฝ่ต่ำ และการจมปลักอยู่กับความลุ่มหลงทางโลก นำเอาบุคคลเฉกเช่น นักรายงานหะดีษ ผู้เผยแผ่ศาสนาให้มารับผิดชอบเรื่องการปกครอง หรือนำเอาบุคคลอื่น เนื่องจากหวาดกลัว หรือห่วงในทรัพย์สิน จึงได้นิ่งเงียบปล่อยให้ทุกอย่างไปตามยะถากรรม เนื่องจากเขาได้ทำลายประวัติศาสตร์และต้องการพลิกผันประวัติศาสตร์ให้เป็นอย่างอื่น จึงแนะนำผู้ปกครองว่าเป็นนักปราชญ์ทางศาสนา เขาได้วินิจฉัยผิดพลาดและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของตน เขาจึงผิดพลาด ซึ่งความผิดพลาดของเขาได้สร้างบาปกรรมแก่ครอบครัวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เป็นที่สุด พวกเขาได้ถูกกดขี่ทรมาน หลังจากนั้น ผู้กระทำผิดได้แสร้งกลับตัวกลับใจ ขอลุแก่โทษต่อพระเจ้า ดังนั้น ทุกคนจำเป็นต้องให้เกียรติเขา ไม่มีผู้ใดมีสิทธิที่จะแสดงความรังเกียจพวกเขา มิเช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา เมื่อประชาชนได้ยินได้ฟังสิ่งเหล่านี้โดยไม่กลั่นกรองให้ดี แต่กลับนำเอาคำพูดไร้แก่นสารบรรจุไว้ในโสตประสาทของตน ดังนั้น เขาจะไม่มีวันทำลายความเสื่อมทรามทางสังคมให้หมดสิ้นไปได้ หรือจะมีความคาดหวังว่า สังคมจะก้าวหน้าและพัฒนาไปสู่ความเจริญได้อย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น